WeOmni

Generative AI and ChatGPT4: The Future of Personalized eCommerce and Supply Chain

“Generative AI” และ “ChatGPT” เทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาพัฒนาธุรกิจและสร้างประสบการณ์อีคอมเมิร์ซที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมให้กับ User ที่มาพร้อมความ Personalized เพื่อเฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่ม User ได้ดียิ่งขึ้น มาดูกันว่าทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้ จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจ eCommerce และสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างไร…

“Generative AI” คือแบบจำลอง AI ที่ใช้ในการสร้าง Conent ขึ้นมาใหม่ เช่น รูปภาพ ข้อความ เพลง และคำอธิบายสินค้า รวมถึงการสร้างแคมเปญการตลาดแบบ Personalized รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ก็เป็นเรื่องที่ AI สามารถทำได้ โดยเราสามารถใช้ Generative AI แนะนำสินค้าให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าแต่ละบุคคล โดยหยิบ Data จากประวัติการซื้อ พฤติกรรมการเลือกดูสินค้า หรือการค้นหาสินค้าที่ผ่านมา หรือแม้แต่การนำพิกัดตำแหน่งที่ User อยู่มาใช้ร่วมกัน เพื่อให้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด จนเกิดเป็นความพึงพอใจในระยะยาวของลูกค้าได้

ในขณะที่ “ChatGPT” เป็น Chat Bot ใช้ถามตอบที่ให้ผลลัพธ์เหมือนการพูดคุยกับมนุษย์ ด้วยการฝึกตัวระบบด้วยข้อมูลต่าง ๆ และโค้ดจำนวนมหาศาล เพื่อให้ระบบเข้าใจและสามารถตอบคำถามได้อย่างถูกต้องและราบรื่น โดย Version ล่าสุดอย่าง ChatGPT4 นั้นได้รับการพัฒนาจนสามารถใช้เพื่อบริการลูกค้า ตอบคำถาม และให้คำแนะนำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Chat Bot ChatGPT4 สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับสินค้าหรือการบริการ, กระบวนการชำระเงิน หรือช่วยแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้นให้กับลูกค้าได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดงานของฝ่ายบริการลูกค้าแล้วยังเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการที่ดีมากยิ่งขึ้น

เมื่อใช้ทั้ง “Generative AI” และ “ChatGPT4” ร่วมกัน จึงเกิดเป็นสร้างประสบการณ์ใหม่ของการใช้งานอีคอมเมิร์ซที่ Personalized และ Engaging ได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ในระบบ Supply Chain ในการปรับปรุงประสิทธิภาพและก่อให้เกิด Productivity ที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

Use Cases ในการใช้ Generative AI และ ChatGPT4 ใน B2B2C อีคอมเมิร์ซยุคใหม่

  • แสดงสินค้าแบบ Personalized: Generative AI สามารถแสดงให้ Personalized เฉพาะ User โดยประมวลผลจากประวัติการซื้อ พฤติกรรมการดูสินค้า ชื่อสินค้าที่เคยค้นหา หรือแม้แต่พิกัดตำแหน่งที่ใช้งาน ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใช้ Generative AI เพื่อแนะนำสินค้าที่คล้ายกับสิ่งที่ลูกค้าเคยซื้อมาก่อน หรือแนะนำอุปกรณ์เสริมที่ใช้ร่วมกันสินค้านั้นๆ รวมถึงการแสดงสินค้าที่ถูกจัดเรียงมาพิเศษเพื่อลูกค้ารายนั้นๆ
  • บริการลูกค้า: ChatGPT4 สามารถตอบคำถามเบื้องต้นให้กับลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้ฝ่ายบริการลูกค้าไปโฟกัสใน Case ที่ซับซ้อนมากกว่าแทน ตัวอย่างเช่น Chat Bot ChatGPT4 ตอบคำถามเกี่ยวกับสินค้าเบื้องต้น เช่น มีสินค้าในสต๊อกอยู่รึไม่ จัดส่งกี่วัน หรือช่วยเหลือในขั้นตอนการชำระเงินได้
  • Marketing Campaigns: Generative AI ใช้สร้างแคมเปญการตลาดแบบ Personalized ตามความสนใจ ช่วยเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและใช้งบการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เว็บอีคอมเมิร์ซใช้ Generative AI สร้างแคมเปญการตลาดทางอีเมล ที่ปรับเปลี่ยนโปรโมชั่นให้เข้ากับความสนใจของ User แต่ละบุคคล
  • เพิ่มประสิทธิภาพของ Supply chain: Generative AI ถูกใช้ในการคาดการณ์ยอดขาย การจัดการสต๊อก (inventory) และการจัดส่งสินค้า เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ
    ตัวอย่างเช่น Generative AI สามารถคาดการณ์แนวโน้มของสินค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถจัดการสต๊อกได้อย่างเหมาะสม
  • ตรวจจับการทุจริตและ Compliance: ChatGPT4 สามารถใช้ตรวจจับการทุจริต (fraud) ในสายงาน eCommerce และ Supply chain ได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น Chat Bot สามารถเรียนรู้รูปแบบหรือพฤติกรรมที่น่าสงสัย ช่วยป้องกันการเกิดการทุจริตได้ นอกจากนี้ Generative AI ยังสามารถใช้เพื่อตรวจจับความเสี่ยงของ Compliance risks ใน Supply chain ได้
  • คาดการณ์ความต้องการสินค้า: Generative AI สามารถคาดการณ์ความต้องการของสินค้าได้อย่างแม่นยำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารคลังสินค้า และหลีกเลี่ยงการสต๊อกสินค้าที่มากหรือน้อยเกินไป ตัวอย่างเช่น Generative AI สามารถคาดการณ์จำนวนสินค้าที่จะขายได้ในเดือนถัดๆ ไป โดยประมวลผลจากข้อมูลการขายในอดีตและปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง

ประโยชน์ที่ได้จากการใช้ Generative AI และ ChatGPT4 ในอีคอมเมิร์ซยุคใหม่แบบ B2B2C

  • Personalization: ประมวลผลข้อมูลและนำไปแสดงผลเพื่อสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น จนเกิดเป็นความพึงพอใจและความ Loyalty ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
  • Efficiencies /Time optimization: เพิ่มประสิทธิภาพใน Workflow ให้ดียิ่งขึ้น ให้พนักงานมีอิสระในงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และมีเวลาไปรับโฟกัสกับงานที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น
  • Scalability: รองรับการเติบโตของระบบและธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมรับมือกับ Data และ Traffic จำนวนมหาศาลที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
  • Cost-effectiveness: มีค่าใช้จ่ายในระบบไม่สูงมากและให้ผลลัพท์ที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตัวอย่างเช่น ธุรกิจ SME ก็สามารถใช้ ChatGPT4 เพื่อให้บริการลูกค้าแทนแผนก Customer Service ในเบื้องต้นได้

ความเสี่ยงในการใช้ Generative AI และ ChatGPT4 ที่ควรระวัง

  • Data bias: Generative AI นั้นทำงานด้วยการฝึกฝนกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่ หากกลุ่มข้อมูลมีความโน้มเอียงไปในทิศทางใดมากไป ผลลัพท์ที่ได้ก็จะโน้มเอียงไปในทิศทางนั้น ซึ่งนำไปสู่การเลือกปฏิบัติต่อกลุ่ม User บางกลุ่ม
  • Fake news and disinformation: Generative AI อาจจะสร้างข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือนได้ ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อโน้มน้าวความคิดเห็นของผู้คน จนกลายเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องได้
  • Cybersecurity risks: โมเดล Generative AI เป็นเสมือนดาบสองคม ที่อาจถูกใช้สร้างซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย เช่น ไวรัสและม้าโทรจัน เพื่อทำร้ายธุรกิจหรือบุคคลได้

นี่เป็นเพียงการยกตัวอย่างในการนำ Generative AI, ChatGPT4 และนำเสนอข้อดีข้อเสียมาเพื่อใช้งานในอีคอมเมิร์ซยุคใหม่แบบ B2B2C ซึ่งการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวันก็จะช่วยก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆให้กับวงการอีคอมเมิร์ซที่น่าติดตามอีกมากมาย หากมีเทคโนโลยีที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง เราจะกลับมา Update ให้ทุกท่านได้ทราบกันอย่างแน่นอน

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมของเราได้ที่ช่องทาง Facebook FanpageLinkedin หรือดูข้อมูลและติดต่อรับคำปรึกษาได้ที่เว็บไซต์ของเรา