WeOmni

เลือกเครื่องมือที่ใช่สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพแบบง่าย ๆ : JMeter หรือ k6

โลกยุคดิจิทัลแบบนี้ในปัจจุบัน เราทุกคนต่างก็อยากให้แอปพลิเคชันทำงานได้อย่างราบรื่น โดยไม่สะดุดหรือหน่วงลง ลองนึกภาพแอปโปรดของคุณรันช้าลงหรือไม่ตอบสนอง นั่นแหละคือปัญหาด้านประสิทธิภาพของแอปด้อยลง! วันนี้เราจะพูดถึงเครื่องมือสองอันสำหรับประเมินประสิทธิภาพแอป อย่าง JMeter และ k6 ที่ช่วยให้แอปของเราทำงานลื่นไหล

แม้ JMeter และ k6 จะเป็น Tools สำหรับสาย Dev. แต่ไม่ต้องกังวลไปถ้าผู้อ่านไม่ใช่สายเทคฯ บทความนี้จะอธิบายง่ายๆ เข้าใจง่ายอย่างแน่นอน!

JMeter: Tools เกิดก่อน ที่เชื่อถือได้

คืออะไร?

JMeter เปรียบเสมือนซูเปอร์ฮีโร่สำหรับการทดสอบแอปพลิเคชันชนิดรับจบ ที่มีมานานแล้ว ช่วยให้แอปจำนวนมากทำงานได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ JMeter เป็นเครื่องมือทดสอบประสิทธิภาพแบบโอเพ่นซอร์สที่มีมานานกว่า 20 ปี เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย รองรับโปรโตคอลมากมาย เช่น HTTP, FTP, JDBC และ LDAP JMeter ยังมีปลั๊กอินมากมายที่ขยายการทำงานของเครื่องมือ

ทำงานอย่างไร?

คิดว่า JMeter ทำตัวประหนึ่งหุ่นยนต์ที่เป็นมิตร ไปจำลองว่ามี User จำนวนมากไปถล่มลองใช้แอปคุณ โดยมันจะลองคลิกปุ่ม เปิดหน้าต่างนั่นนี่ และตรวจสอบว่าทุกอย่างทำงานตามปกติหรือไม่

ตัวอย่าง:

ลองนึกภาพ JMeter ในฐานะทีมผู้ทดสอบที่กำลังตรวจสอบ Flow หลังจากทีมฯ สร้าง web app อย่างการกดหน้าแรกของเว็บไซต์และเข้าสู่ระบบเพื่อดูว่ารวดเร็วและราบรื่นหรือไม่

k6: เด็กใหม่มาเซย์ฮาย

คืออะไร?

K6 เป็นเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ตัวใหม่ที่เพิ่งปรากฏตัวในที่เกิดเหตุ สดใหม่ คล่องตัว ว่องไว สลิม และสมบูรณ์แบบสำหรับโลกสมัยใหม่ เป็นเครื่องมือทดสอบประสิทธิภาพแบบโอเพ่นซอร์สที่ใหม่กว่า JMeter และยังมีอินเทอร์เฟซผู้ใช้แบบบรรทัดคำสั่งที่เรียบง่าย

ทำงานอย่างไร?

แทนที่จะใช้ภาษาโปรแกรมมิ่งที่ซับซ้อน แต่ k6 ทำงานบนภาษา JavaScript เป็นหลัก เหมือนกับมีซูเปอร์ฮีโร่ที่เข้าใจภาษาการเขียนโค้ดที่พัฒนาส่วนใหญ่เข้าใจง่ายขึ้น

ตัวอย่าง:

ลองนึกภาพ k6 เป็นสคริปต์ซูเปอร์ฮีโร่ที่พูดคุยกับเว็บไซต์และแอปนั้นว่า “เฮ้ คุณทำงานโอเคไหม?” ในภาษาที่นักพัฒนาเข้าใจได้ง่าย

แล้ว Tools อันไหนจะง่ายกว่าสำหรับคุณ?

การสร้างสคริปต์เพื่อทำการทดสอบ

  • JMeter: ใช้ภาษาโปรแกรมมิ่งที่ซับซ้อนมากกว่าเล็กน้อย ที่เรียกว่า “Groovy” อารมณ์เหมือนกับการเรียนรู้การจับมือ (handshake) แบบพิเศษ แม้จะงงๆ ใช้เวลาจำท่าทาง แต่เมื่อคุณได้ลองแล้ว คุณก็เข้าใจเองแหละ
  • k6: พูดจา JavaScript ซึ่งเป็นภาษาที่นักพัฒนาหลายคนรู้จักอยู่แล้ว เหมือนกับการพูดคุยกับเพื่อนที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในภาษาที่คุณทั้งคู่เข้าใจ

แล้ว Tools อันไหนทำงานเร็วและง่ายแค่ไหน?

ประสิทธิภาพและการใช้งาน

  • JMeter: เปรียบเสมือนรถเก๋งที่คุณไว้วางใจ พาคุณไปยังที่ที่คุณต้องการอย่างมั่นใจ สบาย แต่อาจต้องใช้เวลาเรียนรู้สักหน่อย มีแดชบอร์ดที่คุณสามารถดูระหว่างว่าการเดินทางเป็นอย่างไร และต้องขับตามเส้นทางบนถนน
  • k6: เปรียบเสมือนสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เร็ว มันสามารถให้คุณขับมุดไปมาอย่างรวดเร็ว! ไม่มีแดชบอร์ดที่หรูหราแต่จะให้รายงานสรุปที่ชัดเจนหลังการขับขี่แต่ละครั้ง กับความคล่องตัวที่รวบรัด

ความง่ายในการขอความช่วยเหลือและการสนับสนุน

กลุ่มผู้ใช้และการขอสนับสนุน

  • JMeter: มีพรรคพวกมากมายที่คอยช่วยเหลือกันมานาน หากคุณต้องการความช่วยเหลือ มีกลุ่มขนาดใหญ่ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ
  • k6: แม้จะเป็นหน้าใหม่ แต่ก็ผูกมิตรเพื่อนฝูงเร็วมาก มีกลุ่มก๊วนเล็ก แต่ก็กระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือและทำให้ทุกอย่างให้เรียบง่าย จบปัญหาเร็วที่สุด

เมื่อต้องตัดสินใจเลือก

จะเลือกอันไหน?

  • เลือก JMeter หากคุณชอบแนวคิดเกี่ยวกับ Tools ที่เชื่อถือได้พร้อมแผงหน้าปัด Dashboard และชุมชนขนาดใหญ่ที่จะช่วยคุณ
  • เลือก k6 หากคุณชื่นชอบ Tools ที่ง่ายๆ ไวๆ ที่พูด JavaScript ได้ ยิ่งหากคุณเป็นเพื่อนกับนักพัฒนาและชอบสิ่งที่ตรงไปตรงมา

สรุปข้อดีข้อเสียอีกที สำหรับคน Non-Tech

JMeter

จุดเด่น:
  • รอบด้าน: JMeter เปรียบเสมือนเข็มขัดเครื่องมือที่มีอุปกรณ์ต่างๆ มันสามารถทดสอบแอพได้หลายประเภท
  • ครบถ้วน: มันมาพร้อมกับเครื่องมือที่ถูก Setup ไว้ล่วงหน้ามากมาย ทำให้ง่ายต่อการเริ่มการทดสอบโดยไม่ต้องตั้งค่าอะไรมากมาย
  • มีกลุ่มผู้ใช้หลากหลาย: เมื่อมีหลายคนใช้ JMeter จึงมีกลุ่มคนมากมายพร้อมที่จะช่วยเหลือหากคุณติดขัด
จุดด้อย:
  • ต้องหัดใช้งานพอสมควร: การเริ่มใช้งาน JMeter อาจต้องใช้เวลาเล็กน้อย เช่นเดียวกับการเรียนรู้การเต้นรำครั้งใหม่ พอรู้ขั้นตอนก็เนียนขึ้น
  • อาจช้าสักหน่อย: เช่นเดียวกับรถรุ่นเก่า JMeter อาจไม่ใช่เครื่องมือที่เร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการทดสอบอย่างรวดเร็ว

k6

จุดเด่น:
  • ง่าย: k6 พูดในภาษาที่นักพัฒนาหลายคนรู้อยู่แล้ว เช่น การใช้คำง่ายๆ แทนที่จะใช้คำที่ซับซ้อน
  • รู้ผลไว: มันเหมือนกับผู้ส่งสารที่รวดเร็ว มันให้คำตอบที่รวดเร็วโดยไม่ต้องยุ่งยากมากเกินไป
  • กลุ่มผู้ใช้ที่เติบโต: แม้ว่าจะเป็นเรื่องใหม่ แต่ k6 ก็มีกลุ่มผู้ใช้พอสมควร แม้กลุ่มจะเล็กแต่ก็เป็นมิตร
จุดด้อย:
  • Tools ยังใหม่มาก: เนื่องจากเป็น Tools ที่เกิดมาไม่นานนี้ จึงอาจยังไม่มีฟีเจอร์เหมือน Tools ที่มีก่อนหน้านี้ทั้งหมด ยังขาดตกบางอย่าง
  • ต้องหัดใช้อยู่นิดหน่อย: หากคุณไม่ชอบการเขียนโค้ดเลย แม้จะไม่ซับซ้อนเท่า JMeter แต่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อทำความคุ้นเคยกับวิธีการของ k6

บทสรุป

ในท้ายที่สุดแล้ว ทั้ง JMeter และ k6 ก็เปรียบเสมือนฮีโร่ ซึ่งแต่ละตัวก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเลือกสไตล์ไหนก็ตาม นั้นขึ้นอยู่กับความชอบและความรู้สึกที่คุณมองว่าเหมาะสม ดังนั้น กระโดดขึ้นและสนุกไปกับการเดินทางได้เลย!


หากคุณกำลังมองหาทีม Tech ที่มีทักษะและประสบการณ์สูงเพื่อพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่น พัฒนาระบบ หรือต้องการเสริมทีม Tech ของคุณที่มีอยู่ WeOmni ขอเสนอบริการ Staff Augmentation ที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ คลิก 


ติดตามข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมของเราได้ที่ช่องทาง Facebook FanpageLinkedin หรือดูข้อมูลและติดต่อรับคำปรึกษาได้ที่เว็บไซต์ของเรา