WeOmni

Menu Close

7 ข้อควรทำก่อนเปิด ร้านขายของชำ

กิจการอย่างแรก ๆ ที่เริ่มกันได้โดยง่ายมักหนีไม่พ้นงานค้าขาย โดยเฉพาะการตั้งร้านขายของชำ แม้จะฟังดูง่าย แต่การจะทำร้านให้ยืนหยั่งยาวนานท่ามกลางหลายปัจจัยนั้น ไม่ได้ง่ายๆ เลย อย่างไรก็ดี โอกาศที่จะตั้งตัวเลี้ยงดูตนเองได้และเติบโตในระดับท้องถิ่นก็มีให้เห็นเป็นจำนวนมากอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะลูกค้าที่เลือกจะอุดหนุนเจ้าของกิจการรายย่อยเป็นหลัก เพื่อให้ร้านขายของชำของท่านเริ่มต้นด้านฐานที่ดี เราจะมากล่าวถึง 7 ปัจจัยหลักที่จะช่วยผู้ประกอบการเดินได้อย่างมั่นคงกันค่ะ

1. ดูที่ตั้งร้าน:

สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเลยนะคะ ก็คือเช็กสถานที่ตั้งร้านค้า ว่าทำเลในใจของท่านจะวางอยู่ตรงไหน สะดวกต่อผู้คนที่จะมาซื้อของมากน้อยแค่ไหน อยู่ในแหล่งชุมชนหรือไม่ ถ้าเป็นพื้นที่ห่างไกลบ้านเรือน ชุมชน แหล่งทำงาน/ศึกษา แหล่งท่องเที่ยว เช่นตั้งบนถนนเส้นหนึ่งที่เต็มไปด้วยไร่สวน ไร่นา ก็อาจจะยากจะทำกำไร เมื่อระบุที่ตั้งได้แล้ว สังเกตต่อว่าตรงละแวกนั้นมีร้านขายของชำอื่นๆ มั้ย หรือไปใกล้กับร้านสะดวกหรือเปล่า ถ้าใกล้ร้านแนวเดียวกัน ก็อาจจะไม่มีลูกค้ามาซื้อของนะคะ แนะนำเป็นแหล่งที่มีร้านค้าแบบอื่นคละกัน หรือเป็นร้านค้าประจำแหล่งชุมชม อย่างที่เค้าว่ากันไว้เลย ว่า “ทำเลดีมักมีชัยไปกว่าครึ่ง” เลยนะจ๊ะ

2. ศึกษาตลาด:

เมื่อได้ที่สถานที่ตั้งร้านค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องศึกษาตลาด วิเคราะห์กลุ่มลูกค้าในละแวกนั้นให้ดีๆ เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่ากลุ่มลูกค้าของคุณนั้นเป็นแบบไหน และสินค้าแนวไหนจะเป็นที่นิยมในคนละแวกนี้บ้าง จริงอยู่ที่ต้องมีสินค้าคล้ายๆ กันในหลายร้านที่ต้องวางขาย เพราะผู้คนส่วนใหญ่คาดหวังจะซื้อหาได้ตามร้าน แต่ร้านขายของชำที่มักประสบความสำเร็จ มักพบอยู่สองส่วน ไม่ในเรื่องการให้บริการ ก็เรื่องการขายสินค้าที่ตรงจริตผู้คนในละแวกที่ท่านตั้งร้าน เช่นถ้าหมู่บ้านท่านมักเป็นชาวเกษตรกร การมีอุปกรณ์เสริมทางเกษตรกรรมก็ตอบโจทย์อย่างดีเลย ถ้าร้านใกล้โรงเรียน การเน้นสินค้ากลุ่มเครื่องเขียน ขนม น้ำ และมุมต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก็เพิ่มโอกาสกว่า

3. เตรียมเงินทุน:

มาถึงขั้นตอนนี้ ทุกคนจะต้องระวังและรอบคอบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะคะ โดยคุณจะต้องคำนวณต้นทุนที่จะต้องใช้ในการสร้างร้าน, การซื้อของเข้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่นี้เรามาดูกันว่าควรจะเริ่มคำนวนค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่น

  • ถ้าต้องก่อสร้างพื้นที่ร้านใหม่: งบเริ่มต้นที่ประมาณ 100,000 บาท ขึ้นไป
  • ต้องการเช่าพื้นที่การเปิดร้าน: งบเริ่มต้นที่ ประมาณ 50,000 – 100,000 บาท
  • ถ้ามีสถานที่อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่ ในกรณีนี้นั้นที่ไม่จำเป็นต้องคำนวนค่าสถานที่
  • งบประมาณในการสต็อกสินค้าสินค้าและอุปกรณ์: 50,000 – 80,000 บาท

และอย่างที่น้อง EGG บอกว่าจะต้องระวังเป็นอย่างมากเลยนะคะ ว่าคุณควร “เผื่อ” เงินทุน ไม่ควรเตรียมเงินทุนให้ตรงกับที่คุณได้คำนวณต้นทุนไว้เป๊ะๆ นะคะ เพราะสถานการณ์ที่ไม่คิดไม่ฝันอาจะเกิดขึ้นได้เสมอนะคะ

4. จดทะเบียน:

ก่อนที่คุณจะทำการเปิดร้านขายของนั้น คุณก็จะต้องทำการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอจดทะเบียนพาณิชย์ อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ที่ผู้ประกอบการไม่ว่าจะขนาดไหนต้องทำเรื่องอย่างเป็นทางการ โดยการไปแจ้งเรื่องขอจดทะเบียนพาณิชย์ที่ อบต. หรือเทศบาลในชุมชนของคุณ อย่าลืมเตรียเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียนพาณิชย์ไปด้วยนะคะ ซึ่งเอกสารที่ต้องใช้นั้นประกอบไปด้วย:

  1. สำเนาบัตรประชาชน/ทะเบียนบ้านของเจ้าของหรือของผู้จัดการแล้วแต่กรณี
  2. หนังสือให้ความยินยอมให้ใช้สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่
  3. สำเนาทะเบียนบ้านที่แสดงให้เห็นว่าผู้ให้ความยินยอมเป็นเจ้าบ้าน หรือสำเนาสัญญาเช่าโดยมีผู้ให้ความยินยอมเป็นผู้ให้เช่า
  4. แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงานใหญ่
  5. หนังสือมอบอำนาจ/สำเนาบัตรประชาชนประจำตัวผู้รับมอบอำนาจ
    สามารถดูเอกสารในการจดทะเบียนพาณิชย์ได้เพิ่มเติมจากเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เลย!

อ่อ ถ้าร้านจะขายสินค้าควบคุมอย่าง เหล้า เบียร์ บุหรี่ จะต้องขอใบอนุญาตจากกรมสรรพสามิตเพิ่มเติมต่างหาก โดยเฉพาะเงื่อนไขสำหรับอนุญาตต่างหากเพิ่มเติม สามารถศึกษาเพิ่มเติมที่นี่

5. หาซัพพลายเออร์:

ก่อนที่คุณจะทำการเปิดร้านขายของชำนั้น ก็ต้องหาซัพพลายเออร์คู่ค้าขายส่งที่ดี เช่น อยู่ใกล้ร้านหรือบริการจัดส่งรวดเร็วและถูก และต้องหาได้ในราคาที่ดี เพื่อจะได้ซื้อสินค้าเข้ามาขายได้ในราคาที่ต้นทุนไม่สูงเกินไป ที่บอกว่าคู่ค้า “ที่ดี” เพราะเราต้องเลี่ยงคู่ค้าฉ้อฉลที่อาจนำของราคาต่ำกว่าตลาดอย่างมาก ซึ่งจริงๆ อาจนำสินค้าของปลอมมาขาย ทำร้านเราเสียเครดิตดีไปได้นะคะ การหาหาซัพพลายเออร์ในราคาต้นทุนดี แปรผันกับการตั้งราคาโดยตรง เพื่อกรณีเราบวกส่วนต่างในราคาขายจริงแล้ว โดยมีหลักการคร่าว ๆ ได้ดังนี้

  • ควรจะบวกจากต้นทุนอย่างน้อย 10% แต่ไม่ควรพุ่งเกิน 20% จากราคาทุน
  • สินค้าที่มีฉลากราคาไม่ควรบวกเพิ่มเลย เพราะลูกค้าจะคาดหวังในราคาจำหน่ายที่ระบุ
  • สินค้าบางประเภทเป็นสินค้าควบคุม (ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542) อาจไม่ควรบวกจากราคาทุนมาก เนื่องจากอาจผิดกฏหมายควบคุมฯ ได้

ถ้าเกลี่ยกลุ่มสินค้าได้ดี เราจะมีโอกาศได้กำไรโดยยังคงราคาที่แข่งขันได้ แม้ไม่ได้จะหวังกำไรกอบกำ แต่ท่านควรคาดหวังไว้เพื่อจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายจิปาถะ อย่างค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าเช่า, ค่าพนักงาน และค่าแรงคุณเองเข้าไปด้วยนะคะ แต่ก็อย่าคิดแพงเกินไปนะคะ เดี๋ยวลูกค้าไม่เข้าร้านนะ ยิ่งยุคอีคอมเมิร์ซแบบนี้

6. เตรียมอุปกรณ์ร้าน:

ทำการซื้อชั้นวางสินค้า เค้าเตอร์ขาย ตู้แช่เย็น ตู้แช่แข็ง และอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเปิดร้านค้าของของ อย่าลืมเลือกแบบสวยให้เข้ากับร้านด้วยนะคะ จะมือหนึ่งหรือมือสองก็แล้วแต่สะดวกท่านเลย และเมื่อได้อุปกรณ์มาครบครันแล้วนั้น ก็ทำการจัดร้านค้า และนำสินค้าขึ้นชั้นเพื่อพร้อมขายได้เลย ถามว่าต้องจัดร้านตกแต่งอลังการมั้ย ไม่หรอกค่ะ แต่อย่างน้อยควรมีอุปกรณ์ครอบคลุมความจำเป็นไว้ก่อน เอาแบบว่าเมื่อเปิดร้านวันแรกลูกค้าควรดูออกจากระยะไกล ว่าท่านเปิดร้านขายของชำ ลูกค้าเห็นว่ามีสินค้ามากมายรอให้ท่านแวะอุดหนุน ถ้ากิจการดีขึ้นค่อยอัปเกรดร้านกันไปค่ะ

7. ใช้ระบบการจัดการร้านค้า:

และสิ่งสุดท้ายที่ไม่ควรละเลย ก็คือการวางแผนจัดการระบบของร้านค้า ที่ไม่ว่าจะเป็น:

  • การดูแลคลังสินค้า อย่างการนับสต็อค
  • การจดบันทึกยอดขาย
  • การจัดการเงินสดหมุนเวียนภายในร้าน
  • การคำนวนสินค้าให้ถูกต้องเมื่อลูกค้ามาซื้อในจำนวนที่เยอะ
  • การออกใบเสร็จ หรือ ใบกำกับภาษีให้กับลูกค้าบางท่าน

และอีกสารพัดอย่างที่ท่านต้องทำ ต้องวางแผน ต้องเตรียมข้อมูลไว้ยื่นภาษี ฯลฯ แต่ๆๆ น้อง EGG ขอแนะนำว่าถ้าอยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายอย่างกับปลอกกล้วยละก็ ทำการซื้อเครื่อง POS มาช่วยดูแลร้าน ทุ่นแรงได้มากเลยนะ และขอบอกเลยว่า เลือกผู้ช่วยร้านขายของชำ ต้องเลือก EGG POS จ้า ด้วยฟีเจอร์ของเครื่องที่มาพร้อมซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่ายเหมือนท่านกดเล่นมือถือเลย ช่วยท่านได้หลายอย่าง ถ้ากลัวว่าจะแพงไปหล่ะก็ เครื่อง EGG POS ของเรามีราคาที่เอื้อมถึงได้ คุ้มกว่าที่ท่านจะต้องเหนื่อยจดใส่กระดาษที่สบายตอนจด แต่ลำบากต้องรวบรวมข้อมูลนะคะ สนใจสั่งซื้อได้เลยที่ปุ่มด้านล่างนี้เลยค่ะ

ซื้อเลย ! ที่ร้าน EGGPOS บน

ทำไม? EGGPOS ถึงไม่เหมือนใคร

เทียบกันแล้ว EGG POS ดีกว่าเห็นๆ น้อง EGG ขอบอกเลยว่า ทุกปัญหาที่ POS เจ้าอื่นไม่ตอบโจทย์คุณนั้น จะไม่เกิดขึ้นกับ POS ของเราเลยค่ะ ถ้าอยากรู้แล้วว่าใช้ EGG POS มันดีและคุ้มยังไง เรามาเริ่มกันกันเลยค่ะ ~~~

 

1. มิตรแท้กับแม็คโคร 

เทียบกับ POS เจ้าอื่นนั้น คุณต้องเสียเวลาในการอัพรายการสินค้าแบบรายชิ้นเข้าระบบ POS เองเสียเยอะ แต่ว่า EGG POS ของเราไม่ต้องเลย เพราะเรามีข้อมูลรายการสินค้ารองรับจากแม็คโคร มากกว่า 4,000 รายการ ให้คุณได้เลือกใส่เข้าไปในระบบเองได้เลย ถ้าคุณซื้อสินค้ามาจากแม็คโครมาใช้หรือจำหน่าย เพียงแค่ติ๊กก็พร้อมใช้เลยจ้า

 

2. งานคลังไม่สะดุด

ข้อต่อมาที่ทุกคนที่เปิดร้านจะต้องคอยเป็นกังวลก็คือ การจัดการคลังสินค้า ที่คุณจะต้องคอยนั่งนับและติดตามตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ของขาดสต็อค บางเจ้าจำกัดจำนวนของบ้าง ต้องจ่ายตังค์เพิ่มบ้าง แต่ว่า EGG POS ของเรานั้น จะเป็นตัวช่วยคุณในการนับของให้เอง โดยที่ไม่ต้องห่วงว่าของจะหมดหรือขาด เพราะ POS ของเรานั้นจะแจ้งเตือนคุณเองเมื่อสต็อคใกล้หมด

 

3. คุมทุนระดับส่วนผสม

ข้อนี้ขอบอกเลยว่าจะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณไม่ต้องเหนื่ออีกต่อไป ใครที่มีร้านอาหารแล้วปิดร้านเสร็จก็ต้องมานั่งคำนวณวัตถุดิบที่ขายของแต่ละวัน ว่าใช้ไปเท่าไหร่ คงเหลือเท่าไหร่ แต่ว่านะ EGG POS ของเรามีฟีเจอร์ที่จะให้คุณผูกสูตรอาหาร สูตรเครื่องดื่ม เมื่อมีออเดอร์เข้ามา ระบบจะทำการตัดสต็อตให้ตามที่คุณได้ผูกสูตรไว้ ที่นี่คุณก็ไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไปแล้ว พอปิดร้านก็กดดูรายงานออกมาเลย

 

4. ราคาจับต้องง่าย.. สุดๆ

และสิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนจะต้องคิดก่อนซื้อก็คือ ราคา ข้อนี้น้อง EGG บอกเลยว่า ไม่ต้องห่วงว่าจ่ายทีเดียวแล้วจะไม่จบ เพราะว่า EGG POS ของเรานั้นจ่ายที่เดียวแล้วจบ ไม่ต้องมาจ่ายเพิ่มเพื่อขยายฟีเจอร์พื้นฐานที่ควรจะได้ใช้งาน เพราะเราให้ตั้งแต่แรกใช้เครื่องเลย อย่างเช่นการจัดการสต๊อกสินค้าที่เราให้ท่านใส่ได้อย่างไม่จำกัดจำนวน เป็นต้น

 

ใครที่สนใจ EGG POS ของเรานั้นก็เชิญแวะชมแวะซื้อกันเลยจ้า เรามีหลายหลายเซ็ทให้คุณได้เลือก ให้น้องไปเป็นผู้ช่วยท่านกันค่ะ

 

ซื้อเลย ! ที่ร้าน EGGPOS บน

น้อง EGG มาแชร์ทริคสร้างภาพให้ขายได้ในรูปเดียวมาฝากกัลล

ทุกวันนี้ใครๆ ก็หันมาเล่นโซเซียลฯ หลากหลายเจ้ากันหมดแล้ว แล้วเราเชื่อว่าคุณก็คือหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน จากความง่ายดายและคล่องตัวต่อการสื่อสาร โฆษณา เผยแพร่ได้อย่างรวดเร็ว กระจายกว้าง ตรงสู่มือผู้รับสารมากกว่าสื่อรูปแบบอื่น ๆ อย่างเช่นป้ายโฆษณา เพราะฉะนั้นการที่เราจะโปรโมทร้านค้าของคุณให้เป็นที่รู้จักอย่างง่าย ในงบที่จำกัด ก็ต้องผ่านช่องทางเหล่านี้เท่านั้น

สำหรับการโปรโมทผ่านโซเชียลฯ มีได้หลากรูปแบบ จะแค่ข้อความสั้น โพสต์ข้อความพร้อมลงรูปเป็นอัลบั้มเล่าเป็นเรื่องเป็นราว หรือเขียนเรียงความยาวเหยียดแค่ไหน แต่สุดท้าย ถ้า Content เน้นโปรโมทอย่างเร็ว แชร์อย่างเร็วๆ ก็ต้องทำให้รูปภาพที่คุณโพสต์เข้าตาลูกค้าคุณในภาพเดียวให้ได้ ซึ่งน้อง EGG ก็เลยจะมาเล่าวิธีอันพื้นฐาน ที่จะช่วยคุณสร้างภาพให้โปรโมทได้ดีงามด้วยรูปเดียวกัน

1. หัวข้อ หรือ Heading นั้นจะต้องปัง
ตัวหนังสือที่จะใส่ในรูปนั้น โดยเฉพาะหัวเรื่อง คำโฆษณาเพื่อเรียกความสนใจโดยหลัก (Copywriting) ควรจะมีขนาดที่ใหญ่ เพื่อที่จะได้แตะตาลูกค้าให้สนใจโพสต์ของคุณ แต่ก็ไม่ยาวเกินไปเพื่อที่จะทำให้ลูกค้าที่เลื่อนผ่านหน้า Feed นั้นยังทันจะสามารถอ่านจบภายในเวลาอันไม่กี่วินาที และถ้าเกินว่าคุณต้องการจะเล่นคำหรือเล่นมุกแทรกนั้น ก็ควรแต่งประโยคให้สอดคล้องและจับใจความได้ โดยยังต้องทำให้ลูกค้าอ่านเข้าใจได้ด้วยนะจ๊ะ!!

2. เนื้อหาในรูปไม่ควรแน่นเกินไป
อย่าให้โพสต์รูปนั้นกลายเป็นภาพประกอบเรียงความไปเสียหล่ะ ถ้าคุณต้องการจะเน้นการขายสินค้านั้น ก็เน้นให้เห็นรูปสินค้าเป็นหลักไปเลย แล้วในส่วนข้อความที่ต้องการจะสื่อนั้น ก็ไม่ควรใส่เยอะ คัดเพียงแค่ข้อความอันเป็นใจความสำคัญ เพื่อองค์ประกอบในภาพดูสบายตา ดูน่าอ่าน และง่ายต่อการทำความเข้าใจว่าทางร้านอยากจะขายอะไรนั่นเอง สำคัญเลยคือเน้นแต่ภาพให้ปัง ข้อความโดน ๆ ไม่ต้องเยอะแต่ Impact แบบเห็นแล้วอยากแชร์ต่อให้เองเลย

3. อย่าลืมปิดท้ายด้วยช่องทางการติดต่อ และช่องทางการซื้อสินค้าไว้เป็นหนึ่งองค์ประกอบในรูปด้วย
เพื่อมีให้ลูกค้าที่ต้องการจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คือ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าลูกค้าที่เห็นโพสต์นี้ เขาอาจจะส่งต่อให้เพื่อนของเขาด้วยวิธีการอันเบสิคอย่างการเซฟรูปจากโพสต์เราไปส่งต่อเอง หรือไม่ก็แคปเจอร์ภาพหน้าจอส่งต่อไป แม้ที่จริงแชร์ผ่านการกดปุ่มแชร์หรือก๊อปลิงค์โพสต์ของเรา ที่มีข้อความและช่องทางติดต่อซื้อขายจะครบกว่าก็เถอะ

จุดสำคัญที่จะให้โพสต์ภาพเดียวแล้วแชร์กันรัวๆ ได้รับความสนใจ จึงสรุปได้สั้นๆ เลยว่า มีการเรียกความสนใจที่ไม่เยิ่นเย้อ มองปุ๊บเก็ตทันที ข้อความไม่เยอะ และมีข้อมูลการติดต่อซื้อหาชัดๆ ประกอบในภาพเดียวจบเลย ถ้า Content ด้านในดี รับรองปังแน่ ขายได้แน่นอนแหละ แต่น้อง EGG ขอฝากไว้เล็กน้อย ว่าท่านควรต้องระวังอย่างมากเลยถ้าคุณไปยืมเนื้อหา ข้อมูล หรือไปเอาข้อความคำพูด มาจากผู้อื่น ควรให้เครดิตหรือขออนุญาตอย่างชัดเจนเสียก่อน ไม่งั้นอาจโดนฟ้องเอาได้นะคะ จบไม่สวยนาาา

น้อง EGG ขอนำเสนอ EGG POS มิตรแท้คู่ร้านคุณ

ร้านท่านมีเครื่อง POS รึยังเอ่ย … ถ้ายังไม่มีใช้เลย เพิ่งพากระดาษกับเครื่องคิดเลข หรือเครื่องที่ท่านมีนั้นเก่าแก่เกินจะยื้อไว้ต่อไป น้อง EGG ก็อยากจะขอแนะนำตัวให้ท่านรู้จักกับ EGG POS ระบบเครื่องและซอฟต์แวร์ POS ที่ช่วยให้ท่านประกอบกิจการราบลื่น เติบโตยิ่งกว่าเคย ให้ท่านได้รู้จักกัน

EGG POS ของน้อง EGG รับประกันได้ถึงความน่าเชื่อถือ เพราะเรามีร้านค้ามากกว่า 100,000 ที่ใช้บริการเรา ประกอบกับการเชื่อต่อกับ ทรู สมาร์ต เมอร์ชันต์ ที่จะเปิดโอกาสให้ร้านคุณได้ลูกค้าเพิ่มเติมจากช่องทางนี้ไปอีกด้วยจ้า เริ่มต้นใช้งานง่าย Set Up รายการสินค้าง่าย เพราะน้อง EGG POS มีฐานข้อมูลวัตถุดิบส่งตรงจากมิตรแท้ร้านค้าหลายต่อหลายท่านจากแม็คโคร ถึง 4,400 รายการ เลยทีเดียว

EGG POS ของเรานั้นมีระบบจัดการร้านค้า ที่ช่วยให้คุณทราบข้อมูลทางการค้าขายอันสำคัญ ๆ อย่างยอดขายหรือจำนวนวัตถุดิบ และต้นทุนที่ใช้จ่ายไปในแต่ละวัน ให้คุณสามารถวางแผนบริหารจัดการรายรับและรายจ่าย ของทางร้านได้ง่ายขึ้น วิเคราะห์ได้ว่าต้องปรับปรุงแก้ไขในส่วนไหน เพื่อควบคุมต้นทุนหรือช่วยให้รู้ว่าเมนูไหนขายดี ด้วยจุดเด่นเหล่านี้ เอื้อให้คุณวางแผนดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ได้อีกเพียบ แล้วง่ายกว่าเดิม! เพราะ EGG POS ของน้อง EGG มี ฟีเจอร์ที่ช่วยท่านอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น

  • การจัดการสินค้า: ที่สามารถรองรับรายการสินค้าได้อย่างไม่มีจำกัด ไม่ว่าคุณจะมีสินค้ากี่ชิ้น หรือ กี่เมนู POS ของน้องก็เอาอยู่ค่ะ
  • คลังสินค้า: ไม่ต้องห่วงว่าของจะขาดสต็อกโดยไม่รู้ตัวล่วงหน้า เพราะ EGG POS ช่วยเตือนคุณเองเมื่อสินค้าในสต็อกของคุณใกล้หมด
  • รายงานการขาย: ที่จะเป็นตัวทำสรุปยอดขายให้คุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องเหนื่อยทำด้วยตัวเอง
  • ขายสินค้า: ที่เพียงแค่สัมผัสก็ขายสินค้าและปิดบิลได้ง่ายดาย จิ้มไม่กี่ที

และยังไม่จบแค่นั้น เพราะเรายังรองรับการชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น:

  • True Money Wallet
  • Credit Card / Debit Card
  • QR code
  • Promptly

อย่างที่กล่าวไป EGG POS ของน้อง EGG นี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาที่คุณต้องเจอให้หายไปทั้งหมดเลย อย่างแน่นอน เพราะมีรีวิวมาจากลูกค้าโดยตรงเลยค่ะ โดยทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า:

  • ลดความผิดพลาดในการจดออเดอร์
  • ลดขั้นตอนในการสรุปยอดขาย
  • ดูแลใช้งานง่ายกว่า POS แบบเก่า ๆ
  • ประหยัดเวลาในการดูแลสต็อคสินค้า
  • มีทีมงานคอยบริการตลอดเวลา

เพราะฉะนั้น ถ้าคิดถึงระบบจัดการร้านค้าที่ดี ต้อง EGG POS เท่านั้น โดยรุ่นของ POS ที่เรามี อันหลากหลายขนาดท่านให้เลือกเลยค่ะ ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านค้าไซส์ใด ขายสินค้าหรือบริการแบบไหน POS ของเราก็ตอบโจทย์หมด

  • รุ่น iMin D1: ที่เล็กกะทัดรัด พกพาสะดวกง่าย ที่ราคาเริ่มต้นที่ 15,990.- บาท
  • รุ่น iMin D2: ที่มีขนาดพอดี หาที่ตั้งได้ง่ายดาย กินพื้นที่ไม่เยอะ ที่ราคาเริ่มต้นที่ 10,990.- บาท
  • รุ่น iMin D4: ที่มีฟังชั่นแบบเต็มแมกซ์ ทรวดทรงภูมิฐาน ที่ราคาเริ่มต้นที่ 18,990.- บาท

อ่อ ถ้าท่านซื้อภายใน 15 ก.พ. 66 นี้ รับไปเลย ส่วนลด 20% เชียวนะคะ!!! อีกทั้งยังขอใบกำกับภาษีเพื่อใช้ในมาตรการภาษี “ช้อปดีมีคืน” ปี 2566 โดย ยื่นลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30,000 บาทเชียว ฉะนั้นอย่าได้รอช้า จัดซักชุดเลยค่ะ รับรองว่าท่านจะพึงพอใจอย่างแน่นอนค่ะ

ซื้อเลย ! ที่ร้าน EGGPOS บน

สร้างโปรโมชั่นให้ตรงใจลูกค้า ด้วย EGG POS กันค่ะ

ปัจจัยสำคัญของกิจการที่สร้างความสำเร็จได้ นอกจากสินค้าและบริการที่ดีแล้ว ปัจจัยแวดล้อมที่ชวนให้เป็นลูกค้าอย่างการโฆษณาและโดยเฉพาะที่เราจะเน้นในบทความนี้ นั่นคือ “โปรโมชั่น” ก็สำคัญอย่างมากเช่นกัน วันนี้เรามาดูการสร้างโปรโมชั่นยังไงให้ตรงใจลูกค้ากันค่ะ

โดยการเริ่มต้นจาก การวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า

  1. ด้วยการศึกษาข้อมูลการซื้อสินค้า ผ่านจากการทำสรุปยอดขายมาคำนวนเทรนด์ ถ้าไม่เคยทำเลย หรือจดด้วยกระดาษก็คงจะใช้เวลามิน้อย แต่หากคุณใช้ EGG POS ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยจ้า เพราะเรามี ฟีเจอร์รายงานการขาย ที่ทำการสรุปยอดขายให้กับร้านค้าคุณเป็นที่เรียบร้อยพร้อมใช้งานทันที
  2. เมื่อคุณได้รายงานการขายมาแล้วนั้น ก็เริ่มทำการวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าได้เลยจ้า โดยน้อง EGG ขอแนะนำว่า ให้กำหนดกลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการเจาะจง เป็นพิเศษเสียก่อนนะคะ จะได้ทำการสร้างโปรโมชั่นโดยอ้างอิงพฤติกรรมขายซื้อของมาจากกลุ่มนั้น ซึ่งทางเราได้เคยทำการเขียนเรื่องนี้ แวะเข้าไปอ่านที่นี่ได้เลยจ้า 

เมื่อวิเคราะห์เสร็จ ก็มาออกแบบโปรโมชั่นที่คุณอยากทำกันเลยจ้า

  1. รูปแบบโปรโมชั่นนั้นมีหลายหลายแบบ แต่ที่พบโดยมากก็จะเป็น
    1. ซื้อ 1 แถม 1: โปรนี้ เหมาะกับการที่คุณต้องการนำเสนอสินค้าใหม่ หรือ ขายสินค้าตัวที่ไม่ค่อยมีคนสนใจซื้อเท่าที่คาดหวังไว้
    2. ลดราคาสินค้า: โปรลดราคาขายจากราคาปกติ โดยคุณสามารถใช้การลดแบบเปอร์เซ็น เช่น 5% 20% หรือลดกำหนดจำนวนเงินที่จะลด เช่น ลดเหลือ xxx บาท เป็นต้น
    3. ส่วนลดท้ายบิล: เป็นโปรโมชั่นที่ใช้ในลดเฉพาะการกำหนดราคาท้ายบิล หรือลดหลังจากดูยอดรวมบิลทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น “ซื้อสินค้าตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป รับส่วนลดทันที 300 บาท”
    4. ส่วนลดท้ายบิล แบบกำหนดเฉพาะบุคคล: โปรนี้จะคล้ายกับโปรส่วนลดท้ายบิล แต่จะแตกต่างกันตรงที่ทางคุณสามารถกำหนดจำนวนเงินในการลดให้กับลูกค้าแต่ละคนได้โดยเฉพาะนั้นเองค่ะ
  2. น้อง EGG ขอบอกไว้เลย ว่า “อย่าลืมกำหนดระยะเวลาในการทำโปรโมชั่น” นะคะ เดี๋ยวลูกค้าจะมองว่ายังไว้ก่อนไว้แวะมาทีหลัง แล้วยากในการจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทีหลังเอาอีก แล้วเดี๋ยวอาจจะขาดทุนเอาได้นะจ๊ะ

ที่นี้ก็มาถึงขั้นตอนการสร้างโปรโมชั่นกันแล้ว

  • ซึ่งน้อง EGG ต้องขอนำเสนอเครื่อง POS ของ EGG ที่จะช่วยคุณสร้างโปรโมชั่นได้อย่างง่ายดาย โดย EGG POS ของเรานั้นมีฟีเจอร์จัดการโปรโมชั่น ในการรองรับโปรโมชั่นทุกรูปแบบที่น้อง EGG ได้ทำการพูดมาไว้ข้างบนได้จ้า
  • ไม่ต้องห่วงเรื่องเลยว่าจะมีการคำนวณผิดพลาด เพราะ EGG POS นั้นสามารถช่วยคุณในการบันทึกข้อมูลโปรโมชั่น ที่ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลด, ระยะเวลาโปรโมชั่น หรือ สินค้าที่ต้องการลด และเพียงแค่คุณคลิกที่โปรโมชั่นที่สร้างก็สามารถทำการขายได้แล้วค่ะ
  • เราขอบอกเลยว่าเครื่อง EGG POS เราราคาที่ไม่แพงเลย เริ่มต้นเพียงแค่ 10,990 บาท ก็เป็นเจ้าของได้แล้ว
    สนใจสั่งซื้อได้เลยที่ lazada และ shopee เลยนะคะ

สร้างโปรฯ แล้ว อย่าลืมป่าวประกาศ

มี EGG POS ก็ช่วยทั้งงานหน้าร้าน งานสร้างโปรโมชั่นให้ถูกใจลูกค้าได้อย่างง่ายดาย เลิศๆ แบบนี้แหละ แต่สร้างแล้วอย่าลืมขั้นตอนสุดท้ายที่ไม่ควรพลาด คือการป่าวประกาศให้โลกได้รับรู้ ว่าทางร้านของคุณกำลังมีโปรโมชั่นอยู่นะ อย่าลืมโฆษณาด้วยการลงผ่านช่องทางต่างๆ เช่น บนโซเชียลมีเดียและหน้าร้าน โดยเฉพาะบน Facebook, Instagram และ Tiktok ที่มีตัวเลือกและช่องทางการโฆษณาเชิงเจาะจงกลุ่มคนเป้าหมายโดยประมาณ หรือบุคคลในท้องที่ใกล้ร้านของท่านเองได้รับรู้ และอยากลองแวะมาอุดหนุน อ่อ แปะโฆษณาผ่านบนแผนที่ของ Google Maps ก็ยังได้เลยนะ ลองพิจารณาดูนะคะ ทั้งนี้ ก็ขอให้ท่านผู้อ่านที่มีกิจการอยู่นั้นมียอดขายเข้ามา ไหลมาเทมาแบบ ปังปุริเย่ เย่ เย่

ยอดขายพุ่ง ด้วยการเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าทั้ง 5 Gen

ปรับวิธีคิด ช่วยให้ยอดขายพุ่งปรี๊ดดดด เพราะพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าคือปัจจัยหลักที่มีผลต่อการขายสินค้าของเราโดยตรง ดังนั้นวันนี้น้อง EGG จะพาไปเรียนรู้พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ทั้ง 5 เจนเนอเรชั่น เลยจ้า เพื่อให้คุณปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำการตลาด ให้ตรงกับลักษณะนิสัยของผู้บริโภค ใครพร้อมรับทรัพย์แล้ว เลื่อนลงมาอ่านต่อได้เลยจ้า

ลักษณะนิสัย รูปแบบการใช้ชีวิต พฤติกรรมการบริโภคที่แตกต่างกัน ล้วนส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของกลุ่มคนแต่ละช่วงอายุนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า ลูกค้ากลุ่มไหนเสพย์สื่อโซเชียลลักษณะไหน และมีลักษณะนิสัยในการเปย์อย่างไร เพราะถ้าเราปรับเปลี่ยนวิธีทำการตลาด ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราสนใจ ก็นั่งรอทรัพย์กันได้ไม่อั้นเลยหละ

เริ่มที่ Generation แรกกันก่อน
1. กลุ่ม Baby boomer (อายุตั้งแต่ 58 – 76 ปี)

  • คนกลุ่มนี้มักจะชอบเล่น Line หรือ Facebook เพื่อใช้ในการสื่อสารกับเพื่อนฝูง
  • เป็นกลุ่มคนที่ยังไม่คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มากนัก ดังนั้นพฤติกรรมในการซื้อและรับรู้ข่าวสารของคนกลุ่มนี้ก็จะเน้นหนักไปที่ทีวี ดังนั้นโฆษณาผ่านทางทีวีจะส่งผลต่อการซื้อสินค้าของคนกลุ่มนี้มากที่สุด
  • ซึ่งสินค้าที่ลูกค้ากลุ่มนี้ตัดสินใจซื้อนั้น จะเป็นสินค้าที่เคยใช้งานอยู่เป็นประจำ และได้ใช้งานอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ชอบลองสิ่งใหม่ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงมากนัก
  • ลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อสินค้าซ้ำเพราะ เป็นสินค้าที่ทางลูกค้าได้เคยใช้งานมาแล้ว หรือใช้อยู่เป็นประจำ

2. Gen X (อายุตั่งแต่ 42 – 57 ปี)

  • คนกลุ่มนี้มักจะชอบเล่น Facebook และ Youtube
  • เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในยุคกลางเก่า กลางใหม่ ซึ่งหลายคนปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่นี้ได้ ซึ่งพฤติกรรมในการซื้อของกลุ่มนี้มักจะเอียนเองการซื้อสินค้าตามคนรอบตัว หรือจะเรียกว่าใช้ดีแล้วบอกต่อกันคือพฤติกรรมที่กลุ่ม Gen X ให้น้ำหนักมากที่สุด
  • ซึ่งสินค้าที่คนกลุ่มนี้มักจะชื่นชอบนั้น จะเป็นสินค้าที่มีโปรโมชั่น เรียกว่ายิ่งส่วนลดมากก็ยิ่งดึงดูดคนกลุ่ม Gen X ได้สูง แต่ส่วนลดก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่คนกลุ่มนี้จะตัดสินใจซื้อ เพราะกลุ่ม Gen X นั้นจะหาข้อมูลสินค้าอย่างละเอียดประกอบการตัดสินใจเลยหละ เพราะฉะนั้นใครที่มีลูกค้ากลุ่มนี้ก็อย่าลืมเตรียมข้อมูลไว้ตอบลูกค้าให้เยอะนะจ๊ะ

3. Gen Y (อายุตั่งแต่ 26 – 41 ปี)

  • เป็นกลุ่มที่มักใช้เวลาไปกับการเล่นโซเชียลมีเดียแทบจะทุกแอป ไม่ว่าจะเป็น Line, Facebook หรือ Instagram
  • เป็นกลุ่มคนที่ใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่ว ดังนั้นสื่อที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของคนกลุ่มนี้ก็จะเป็น โฆษณาทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก
  • พฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้า ก็จะเป็นสินค้าที่อยู่ในกระแสหรือเทรนใหม่ๆ ที่มีอยู่ในโซเชียลมีเดีย ส่งผลถึงพฤติกรรมการบริโภคที่เป็นคนชอบทดลองอะไรใหม่ๆ ไม่ปิดกั้น ถ้าใครมีลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ก็ควรเล่นกับเทรนและว่องไวต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

4. Gen Z (อายุตั่งแต่ 13 -25 ปี)

  • มักจะใช้เวลาไปกับโซเชียลมีเดียจำพวกวีดีโอซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น Youtube และ Tiktok จึงเป็นแอปยอดนิยมของคนกลุ่มนี้
  • เป็นกลุ่มคนที่เกิดมาในยุคของเทคโนโลยีอย่างแท้จริง ทุกคนมีความสนใจเป็นของตัวเอง หรือภายในกลุ่มเล็กๆ ของตัวเอง มีแนวทาง และความชอบเป็นคนตนเอง ทำให้พฤติกรรมการบริโภคสินค้าในกระแสนั้นไม่ได้มีมากเหมือนใน Gen X
  • ซึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้พวกเค้าตัดสินใจซื้อเลยนั้นก็คือ การได้ดูวีดีโอรีวิวจากผู้ใช้จริงของสินค้าตัวนั้น โดยเป็นรีวิวจากผู้ใช้งานจริงไม่ใช่แบรนด์รีวิว โดยจะเน้นไปที่การบริโภคสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้งานที่ยั่งยืน

5. Gen Alpha (อายุยังไม่ถึง 12 ปี)

  • เป็นกลุ่มนี้นั้นมักใช้เวลาส่วนมาไปสื่อวีดีโออย่าง Youtube และ Tiktok เช่นกันจ้า
  • มีการรับรู้ และการเรียนรู้ที่แตกต่างจากกลุ่มอื่นๆ โดยสิ้นเชิง เพราะเติบโตขึ้นในยุคสมัยของ COVID-19 ที่ทุกอย่างใน 2-3 ปีที่ผ่านมาถูกเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบออนไลน์
  • การโฆษณาทางออนไลน์และสื่อโซเชียลจึงมีอิทธิพลต่อเด็กกลุ่มนี้มาก
  • ถึงแม้ว่าเด็กกลุ่มนี้ยังไม่มีกำลังซื้อเป็นของตัวเอง แต่ก็มีผลต่อการตัดสินใจบริโภคของผู้ปกครองสูงมาก ดังนั้นอย่ามองข้ามกกลุ่ม Gen Alpha เลยทีเดียว

 

ฟีเจอร์ของ EGG POS ช่วยให้คุณบริหารร้านค้าได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

EGG POS ที่มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยในการจัดการร้านค้า ให้คุณบริหารร้านค้าได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสต๊อคสินค้า ทำรายงานการขาย บัญชีรายรับรายจ่าย รวมไปถึงการบริหารพื้นที่ภายในร้าน และพนักงาน ไม่ว่าธุรกิจไหนๆเราก็พร้อมช่วยแบ่งเบาภาระของคุณได้อย่างครบวงจร เพราะเราเป็นมากกว่าแค่เครื่องคิดเงิน

EGG POS ของเรานั้นตอบโจทย์การใช้งานสำหรับธุรกิจทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของชำ, ร้านอาหาร, คาแฟ่ นอกจากนี้ร้านค้าที่ไม่ได้จำหน่ายตัวสินค้าเป็นหลัก แต่เน้นไปที่การบริการนั้นระบบเราก็ได้ออกแบบมารองรับการใช้งานเช่นนี้ด้วย เพราะความเข้าใจในตัวผู้ประกอบการ เราจึงสร้างระบบที่มีความยืดหยุ่นต่อการใช้งานให้ครอบคลุมกับทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ในการบริหารงานของคุณให้ได้มากที่สุด ซึ่งฟีเจอร์โดดเด่นที่เราอยากจะทำเสนอคุณนั้นประกอบก็คือ

1. ฟีเจอร์จัดการสต็อค: ไม่ใช่แค่การบันทึกสต๊อคสินค้าที่มีอยู่ในร้านเท่านั้น แต่ EGG POS ของเรารองรับการถ่ายโอนสต๊อคสินค้าไปมาระหว่างสาขาต่างๆ อีกทั้งยังรองรับการบันทึกวันหมดอายุของสินค้าแต่ละล็อตที่เข้ามาในร้าน เพื่อไม่ให้สต๊อคของคุณเสียหายไปโดยเปล่าประโยชน์ และพิเศษสุดสำหรับร้านอาหาร ด้วยฟีเจอร์ที่รองรับการตัดสต๊อคสินค้าจริงตามวัตถุดิบที่ใช้ไป เพียงแค่คุณผูกวัตถุดิบไว้กับเมนูอาหาร ก็สามารถทราบถึงสต๊อคสินค้าที่เหลืออยู่อย่าง Real Time แล้วจ้า

2. ฟีเจอร์รายงานการขาย: ให้คุณบันทึกรายการขายสินค้าอย่างละเอียด รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงภายในร้าน เพื่อใช้สรุปออกมาเป็นบัญชีรายรับรายจ่ายเบื้องต้นของร้านค้า ซึ่งข้อมูลรายงานการขายที่เกิดขึ้นนั้นจะถูกเก็บและประมวลผลแบบ Real Time และยังพร้อมสำหรับการเรียกดูย้อนหลังได้ตามความต้องการเลย

3. ฟีเจอร์จัดการโปรโมชั่น: รองรับการสร้างโปรโมชั่นในระบบได้ทันที อีกทั้งยังสามารถกำหนดระยะเวลาในการใช้งานโปรโมชั่นได้อย่างชัดเจน เพื่อลดขั้นตอนการจัดการบัญชีหรือสต๊อคสินค้าในภายหลัง เพิ่มยอดขายให้ปังโดยที่ไม่โหลดเรื่องการจัดการ นับเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมของเรา

นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายฟีเจอร์ที่พร้อมจะช่วยร้านค้าทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

  • ระบบจัดพนักงาน และการลงเวลาทำงาน เพื่อกำหนดสิทธิในการเข้าถึงความสำคัญของข้อมูล พร้อมรองรับการบันทึกเวลาทำงานได้
  • ระบบจัดการลิ้นชักเก็บเงิน เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของร้านค้า
  • ระบบจัดการโต๊ะ และเครื่องพิมพ์กระดาษครัว ที่ลดความผิดพลาดในการจัดการออร์เดอร์

และฟีเจอร์อัดแน่นอีกมากหมาย ที่คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้อย่างละเอียดได้ที่นี่

และท้ายที่สุด ฟีเจอร์ที่อัดแน่นขนาดนี้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะซับซ้อนและใช้งานยาก เพราะนอกจากการจัดส่งและติดตั้งฟรีแล้ว เรายังมีการแนะนำการใช้งานตอนติดตั้งเครื่องให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกฟีเจอร์สำคัญที่คุณสนใจนั้นจะพร้อมสำหรับการใช้งานกับธุรกิจของคุณได้อย่างแน่นอน

 

4 เทคนิคสุดดปัง!! ที่จะช่วยซื้อใจลูกค้าใหม่ ให้เป็นลูกค้าประจำ

ชะแว๊บ วันนี้ EGG POS เอา 4 เทคนิคสุดปัง ที่จะช่วยให้คุณ ซื้อใจลูกค้าใหม่ ให้กลายเป็นลูกค้าประจำ ส่วนจะมีอะไรนั้น ตามมาดูกันด้านล่างได้เลยจ้า

การสร้างฐานลูกค้าคือการสร้างความมั่นคงให้ธุรกิจของเรา ซึ่งฐานลูกค้าที่ดีที่สุดก็คือลูกค้าประจำที่กลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการของเราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่จะมาเป็นลูกค้าประจำของเรานั้นก็มักจะมาจากความชื่นชอบในสินค้าและบริการของเรา และยังเกิดการแนะนำหรือบอกต่อความประทับใจไปยังกลุ่มคนอื่นๆที่มีความชื่นชอบสินค้าหรือบริการในลักษณะเดียวกันนี้ โดยวันนี้น้อง EGG จะมาแนะนำ 4 เทคนิคที่จะเปลี่ยนลูกค้าใหม่ให้กลายมาเป็นลูกค้าประจำของเรา ดังนี้เองงงง

 

1. รักษามาตรฐานให้สม่ำเสมอ

มาตฐานทั้งในเรื่องการบริการ และคุณภาพสินค้า คือหนึ่งในหัวใจหลักที่จะขับเคลื่อนธุรกิจของเราไปข้างหน้า เพราะสิ่งที่ลูกค้าได้รับไปคือความประทับใจและการจดจำ ทำให้เกิดการกลับมาใช้บริการซ้ำจนไปถึงการบอกต่อประสบการณ์ที่ดีของมาตรฐานที่เรามีแก่คนใกล้ชิด

2. ราคาที่เหมาะสม

สินค้าหรือบริการที่ดีมีมาตรฐานอย่างเดียวก็คงไม่เพียงพอ เพราะราคาที่สมเหตุสมผลจะทำให้เกิดการซื้อซ้ำหรือกลับมาใช้บริการซ้ำ เมื่อลูกค้ารู้สึกว่าสิ่งที่ได้รับกลับไปนั้นมีค่ามากกว่าราคาที่เค้าจ่ายไป ซึ่งเทคนิคการคำนวนต้นทุนของสินค้าที่เหมาะสมนั้นเราติดตามต่อได้จากลิงค์ ตรงนี้เลยจ้า 

3. มีความจริงใจ

ความใส่ใจ ความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา และมีความชัดเจนกับลูกค้า ทั้งในตัวสินค้าและการบริการที่ลูกค้าจะได้รับจากสิ่งที่จ่ายไปนั้น จะทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อใจและไว้วางใจร้านค้าของเรา และเลือกให้ร้านของเราเป็นร้านหนึ่งในดวงใจเลยนะจ๊ะ

4. สร้าง Promotion อยู่เสมอ

และข้อสุดท้ายนั้นเป็นที่ต้องทำสม่ำเสมอ คือการสร้างกิจกรรมให้ร้านค้าของเราอยู่ในสายตาของลูกค้าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมหรือโปรโมชั่นส่งเสริมการขายตามเทศกาลต่างๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการอยู่เสมอ และเป็นการบอกไปนัยๆด้วยว่าร้านของเรายังอยู่ดี ไม่ได้หายไปไหนนะ

 

4 เหตุผล ที่คุณต้องมี EGG POS iMin D2 มีก่อน ปังก่อนน้าา

4 เหตุผล ที่คุณต้องมี EGG POS iMin D2 เพราะอะไร ตามมาดูกันเลย

1. ขนาดเล็ก กระทัดรัด ไม่เปลืองพื้นที่
ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะมาพร้อมหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ซึ่งรวมทุกอย่างเข้าไว้ภายในหน้าจออันเดียว ทำให้ไม่เปลืองพื้นที่แบบเครื่อง POS ทั่วไป และยังดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะพอร์ตซ่อนอยู่ใต้หน้าจอ ร้อยสายได้อย่างสะดวกและไม่เทอะทะเคาน์เตอร์ของคุณ คงไว้ซึ่งความเรียบร้อยสะอาดตา

2. CPU แรง เร็ว ทำงานบน Android 7.1
ใช้งานได้ลื่นไหลไม่มีสะดุดด้วย CPU แบบ Octa-Core จาก Arm Cortex-A53 processor บน Android 7.1 ที่สามารถทำงานได้ เร็ว และ แรง อย่างไม่มีสะดุด 

3. คมชัดทุกมุมมอง เพราะสามารถปรับความเอียงของหน้าจอได้
เพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานได้อย่างสะดวกสบายด้วยหน้าจอที่สามารถหมุนปรับขึ้นลงได้ 105 องศา ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ชัดเจนไม่มีพลาดทุกออเดอร์แน่นอนเลยค่า

4. ถูกและคุ้มมาก ด้วยราคาเบาๆ 
น้อง EGG  มาพร้อมมอบความคุ้มค่าที่เอื้อมถึงง่าย เริ่มต้นเพียงแค่ 10,990 บาทเองจ้า โอ๊ะ! แต่ไม่เพียงแค่ได้ตัวเครื่อง iMin D2 เท่านั้นนั้น เรายังมาพร้อม Software Basic Plan มูลค่าเดือนละ 199 บาท กับ True Online Package มูลค่าเดือนละ 599 บาท ฟรีเป็นเวลา 1 ปี ไปเลยนะจ๊ะ ยังไม่หมดนะ ราคานี้ ของสมนาคุณขนาดนี้ ยังจัดส่งฟรีทั่วไทย ติดตั้งฟรี และสอนการใช้งานฟรีอีกด้วย

ดีขนาดนี้แล้ว จะรออะไรอยู่หล่ะ สั่งซื้อเลยตอนนี้ได้ที่ช่องทาง Shopee และ Lazada เลย หรือจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของ EGG POS ก็ได้นะคะ

EGG POS ขอเสนอเครื่องคิดเงินชุดสุดฮิตยอดขายถล่มทลาย พี่ใหญ่สุดของเรา “ชุดพร้อมลุย”

EGG POS ขอเสนอชุดสุดฮิตยอดขายถล่มทลาย พี่ใหญ่สุดของเรา “ชุดพร้อมลุย” แคชเชียร์อัจฉริยะผู้พร้อมในทุกรูปแบบธุรกิจ ธุรกิจของคุณจะใหญ่ transaction จะเยอะแค่ไหนก็เอาอยู่ ใครยังไม่รู้จักชุดพร้อมลุยของเรา ตามมาดูกันเล้ยยย let’s go!!! โดย ชุดพร้อมลุย พี่ใหญ่สุดของระบบ POS ของเรานั้น มีอุปกรณ์ด้วยกัน 3 ชิ้นที่ทำงานเข้ากันได้อย่างราบลื่นและลงตัว เพื่อมอบประสบการณ์ ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าและผู้ใช้งาน โดยอุปกรณ์ทั้ง 3 ชิ้นนี้ ประกอบไปด้วย

 

1. iMin D4
เครื่อง EGG POS รุ่น iMin D4 ที่มาพร้อมหน้าจอแบบจัดเต็ม ด้วยจอที่มีขนาดใหญ่โตถึง 15 นิ้ว มองถนัดตาและแตะสัมผัสสะดวกมือ ที่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย CPU แบบ Quad Core Cortex-A17  ให้คุณมั่นใจได้ว่าออเดอร์ล้นหลามเพียงใดก็ไม่หวั่น ซึ่งตัวเครื่องยังมีปริ้นเตอร์ในตัว พร้อมพิมพ์ใบเสร็จได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้งานอุปกรณ์ต่อพ่วงแยกต่างหากให้เกะกะรุงรัง เรียกว่าเป็นเครื่อง All-In-One แลดูภูมิฐาน ที่ตั้งตระหง่ารับทรัพย์กันเลยทีเดียว

2. Cash Drawer
ถึงแม้ว่าเรากำลังจะก้าวเข้าสู่สังคม Cashless แต่เพื่อความครบถ้วนทุกช่องทางการชำระเงิน ลิ้นชักเก็บเงินก็ยังคงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์หลักที่ควรจะมีติดไว้ โดยวัสดุด้านอกนั้นทำจากเหล็กคุณภาพอย่างดี แข็งแรง ทนทาน ใช้เป็นฐานตั้ง POS ได้เลย สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์สลิป/ใบเสร็จรับเงินเพื่อให้เปิดลิ้นชักอัตโนมัติ มีช่องเก็บธนบัตร 5 ช่อง ที่มาพร้อมตัวหนีบธนบัตรทำจากเหล็กคุณภาพดี และยังมีช่องเก็บเหรียญถึง 8 ช่อง รับเงินและเก็บเงินทอนเพียงพอแน่นอน

3.Scanner
Scanner สามารถอ่านบาร์โค้ดได้ทั้ง 1 มิติและ 2 มิติ แข็งแรงทนทาน ทนต่อแรงกระแทกตกหล่นได้ถึง 2 เมตร มาพร้อมสายยาว 2 เมตร ใช้งานได้ไกล มีเสียงบอกสถานะการใช้งาน อ่านเร็ว อ่านไว พร้อมปิดบิลได้ทันที

 

อ๊ะ !!! ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะจ๊ะ… เพราะถ้าซื้อ POS “ชุดพร้อมลุย” ของเราตอนนี้ แถมฟรี !!! ค่าบริการ Standard Software ยาวถึง 1 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้มาในราคาเพียง 23,890 บาท* เท่านั้น สินค้าพร้อมจัดส่งฟรีทั่วไทย และยังมีพนักงานสอนการใช้งานเครื่อง POS อีกด้วยนะ เรียกว่าคุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้วนะตัว ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของ EGG POS หรือติดต่อสั่งซื้อได้ตามข้อมูลติดต่อที่อยู่ด้านล่างได้เลยนะคะ